ตำรวจภูธรภาค 5

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 14.00 น.

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5/รอง ผอ.ศูนย์ฝึกจิตอาสาพระราชทาน ภาค 3 (4) เดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 "หลักสูตรพื้นฐาน" (ภาค 3) รุ่นที่ 5/68 จำนวน 200 นาย

พบ พล.อ.ต.อภิรัตน์ รังสิมาการ
ผอ.สนผ.กร.ทอ./เสธ.ศฝ.จอส.ภาค 3, พ.ต.อ.มนัสชัย อินทร์เถื่อน ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ และ น.อ.ภพรัตน์ สุวรรณรัตน์ หัวหน้าส่วนสนับสนุน ศฝ.จอส.ภาค 3 ให้การต้อนรับ และรายงานผลการฝึกอบรม

พร้อมนี้ พล.ต.ท.กฤตธาพลฯ ได้มอบของว่างและสิ่งของบำรุงขวัญให้แก่ผู้เข้ารับการฝึก ได้รับประทาน เป็นการเสริมสร้างกำลังกาย กำลังใจ ต่อไป

ณ กองอำนวยการฝึก จิตอาสาพระราชทาน 904 จว.เชียงใหม่

ตำรวจภูธรภาค 5 เตือนงดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา หากพบฝ่าฝืนดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมเข้มงวดดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 ตามนโยบายของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 ได้ให้ความสำคัญในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา
โดยในวันพุธที่ 12 เดือน กุมภาพันธ์ 2568 ตรงกับวันมาฆบูชา ซึ่งตามประกาศราชกิจจานุเบกษา กำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางพุทธศาสนา 5 วัน ได้แก่ วันมาฆบูชา - วันวิสาขบูชา - วันอาสาฬหบูชา - วันเข้าพรรษา และ วันออกพรรษา โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ยกเว้นการขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารภายในสนามบินที่ให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศนั้น
ในการนี้ตำรวจภูธรภาค 5 ได้ขอความร่วมมือร้านค้าและผู้ประกอบการให้งดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทั้งชนิดขายส่งและขายปลีกตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ตั้งแต่หลังเวลา 24.00 น.ของคืนวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2568 ไปจนถึงเวลา 24.00 น. ของคืนวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 (ยกเว้นการขายเฉพาะร้านค้าปลอดอากรภายในอาคารท่าอากาศยานนานาชาติ) หากฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 39 แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551
นอกจากนี้ในวันมาฆบูชาจะมีพุทธศาสนิกชนจำนวนมากเดินทางไปทำบุญ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่วัดหรือศาสนสถานต่างๆ ตำรวจภูธรภาค 5 จึงได้กำชับหน่วยในสังกัดดูแลความปลอดภัยตามมาตรการด้านต่างๆ อย่างเข้มงวด โดยการจัดกำลังสายตรวจออกตรวจตราตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งวัดหรือสถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา และกวดขันจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 อย่างเคร่งครัด โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับควบคุมกำกับดูแลการปฏิบัติของผู้ใต้บังคับบัญชาให้เรียบร้อย พร้อมทั้งขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนช่วยกันสอดส่องดูแล หากต้องการความช่วยเหลือ หรือพบเห็นการกระทำความผิด สามารถโทรศัพท์แจ้งสายด่วน 191 และไลน์ official ของ ตำรวจภูธรภาค 5 ไอดี @police5 ตลอด 24 ชั่วโมง

ผบ.ตร. กำชับ ตามที่ รัฐบาล และ ตร. มีนโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างด้าวถูกหลอกลวงหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมายซึ่ง ตร. ได้มีมาตรการให้หน่วยปฏิบัติตามนัยหนังสือ ตร. ด่วนที่สุด ที่ ๐๐๐๗.๓๓/๓๑๖ ลง ๒๓ ม.ค.๖๘ ตลอดจนการป้องกันปราบปรามคนต่างด้าวที่เข้ามาในลักษณะ ที่แอบแฝงหรือกระทำความผิดในลักษณะที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน หรือความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร อันส่งผลต่อภาพลักษณ์หรือประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายของสังคมโดยรวม จึงกำชับให้ทุกหน่วยดำเนินการ ดังนี้
ให้ ผบช. และ รอง ผบช. ที่ได้รับมอบหมาย ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น อำนวยการ กำกับ ดูแล ควบคุม พื้นที่รับผิดชอบ ตลอดจนติดตามสถานการณ์ บังคับใช้กฎหมาย และกำหนดมาตรการ ในการป้องกันปราบปราม สืบสวน สอบสวนอาชญากรรมดังกล่าวโดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเห็นผลเป็นรูปธรรม
หากปรากฏข้อมูลที่ชัดเจนว่ามีการปล่อยปละละเลย เพิกเฉย หรือพบข้อบกพร่องในการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและ ตร. ดังกล่าว จะพิจารณาดำเนินการทางปกครอง วินัย และอาญาโดยเด็ดขาด ตามนัยคำสั่ง ตร. (กรมตำรวจ) ที่ ๑๒๑๒/๒๕๓๗ ลง ๑ ต.ค.๓๗ เรื่อง มาตรการควบคุมและเสริมสร้างความประพฤติและวินัยข้าราชการตำรวจ และคำสั่ง ตร. ที่ ๒๓๔/๒๕๕๘ ลง ๒๗ เม.ย.๕๘ เรื่อง การพิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่องในการป้องกันและปราบปรามอบายมุข

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ ของ ภ.จว.ลำปาง

วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.00 น.

พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงผลการปฏิบัติคดีรายสำคัญ ของ สภ.เถิน จ.ลำปาง และ สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ร่วมกับฝ่ายปกครอง จังหวัดลำปาง จับกุม ผู้ต้องหา 2 คน รถยนต์ 1 คัน พร้อมของกลางยาบ้า 6,000,000 เม็ด เมื่อวันที่ 6 ก.พ.68 ในพื้นที่ อ.แม่พริก ต่อเนื่อง อ.เถิน จ.ลำปาง

โดยมี พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 , พ.ต.อ.สังเวียน อินตากูล รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง, นาย กฤษณะ พินิจ รอง ผวจ.ลำปาง, พ.อ.กวิน ยาวิชัย รอง ผบ.มทบ.32, พ.อ.ถิรวัฒน์ ศรีสุวรรณ
รอง ผอ.รมน.ลำปาง, นาย อนุเทพ ธาระณะ ผู้แทน ผอ.ปปส.ภาค 5 ผกก.สภ.เถิน จ.ลำปาง และ ผกก.สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ร่วมแถลงผลการจับกุม ณ ลานแถลงข่าวตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ถ.ลำปาง - แจ้ห่ม ต.ต้นธงชัย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

สรุปผลการจับกุมยาเสพติด ของ ตำรวจฎธรภาค 5 ห้วงตั้งแต่ 1 ต.ค.67 - 5 ก.พ.68

จับกุมคดียาเสพติด จำนวน 7,967 คดี
รายสำคัญ 60 คดี
ยึดของกลางยาเสพติด
- ยาบ้า 42 ล้านเม็ดเศษ
- ไอซ์ 5,300 กิโลกรัมเศษ
- เฮโรอีน 144 กิโลกรัมเศษ
- เคตามีน 508 กิโลกรัมเศษ
- ฝิ่น 19 กิโลกรัมเศษ
ตรวจยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับยาเสพติด ประมาณ 232 ล้านบาทเศษ

ตำรวจภูธรภาค 5 ชี้แจงกรณีเพจที่ใช้ชื่อว่า แหม่มโพธิ์ดำลงภาพและข้อความ “สุดพีก ตำรวจเชียงใหม่ เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ลูกคอยดูแลระบบและชวนเพื่อนๆมาทำ”

ตามที่ปรากฏในข่าวและสื่อ Online กรณีเพจที่ใช้ชื่อว่าแหม่มโพธิ์ดำลงภาพและข้อความเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 “สุดพีก ตำรวจเชียงใหม่ เป็นหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ลูกคอยดูแลระบบ และชวนเพื่อนๆมาทำ” นั้น

ตำรวจภูธรภาค 5 ขอเรียนชี้แจงว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าวมีพฤติการณ์ในการจัดหาสถานที่ให้กับบุตรสาวในการติดตั้งอุปกรณ์รับ-ส่งสัญญาณ (sim box) โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นรายเดือน แต่ได้รับค่าจ้างเพียง 1 เดือน ก็ถูกจับกุมตัว หลังสืบสวนสอบสวนปรากฏ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้ขอออกหมายจับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว และนำตัวขออำนาจศาลฝากขังเพื่อมิให้ไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ทั้งยังมีคำสั่งไล่ออกจากราชการแล้ว ตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ที่ 2/2568 ลงวันที่ 13 มกราคม 2568 เรื่อง ลงโทษไล่ออกจากราชการ ทั้งนี้ให้มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ในทางคดีได้ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน อยู่ระหว่างหลบหนีออกหมายจับ 2 คน รวมผู้ต้องหา 7 คน และส่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการเมื่อเดือน กันยายน 2567 ที่ผ่านมา

ตำรวจภูธรภาค 5 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างจริงจังและตรงไปตรงมากับเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว ในความผิดเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับสินบน เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ร่วมกันทำ มี ใช้ นำเข้า นำออก หรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม และร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตอันมีลักษณะที่เป็นการประกอบกิจการทางโทรคมนาคมแบบที่สาม กระทำการอันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ร่วมกันพยายามฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงเป็นบุคคลอื่นและการมีส่วนร่วมองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมีโทษสูงถึงประหารชีวิต ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 อนึ่งตำรวจภูธรภาค 5 ขอเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบว่าตำรวจภูธรภาค 5 มีนโยบายในการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทอย่างจริงจัง ซึ่งหากพบว่าผู้ใดกระทำผิดจะถูกดำเนินคดีโดยเด็ดขาด ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนพบเบาะแสการกระทำผิด โปรดแจ้งสายด่วน 191 และช่องทางไลน์ official ของตำรวจภูธรภาค 5 ไอดี@police5 ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง

**************************************
ตำรวจภูธรภาค 5 ขอบคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวสาร